โคมไฟถนนสำหรับพื้นที่มีหมอก ควรเลือกแบบไหน?

โคมไฟถนนสำหรับพื้นที่มีหมอก ควรเลือกแบบไหน

โคมไฟถนนสำหรับพื้นที่มีหมอก ควรเลือกแบบไหน?

พื้นที่ที่มีหมอกจัด เช่น เส้นทางภูเขา หรือบริเวณชุ่มชื้น มักมองเห็นไม่ชัดในช่วงเช้าหรือกลางคืน หากใช้โคมไฟถนนไม่เหมาะสม อาจทำให้แสงฟุ้ง มองทางไม่ชัด และเสี่ยงอุบัติเหตุ การเลือก โคมไฟถนนสำหรับพื้นที่ที่มีหมอก จึงเป็นเรื่องสำคัญ บทความนี้จะพาไปดูแนวทางเลือกโคมไฟที่ให้แสงเจาะหมอกได้ดี มองเห็นถนนชัดเจน และปลอดภัยมากขึ้นในทุกสภาพอากาศ

ทำไมพื้นที่มีหมอกต้องใช้โคมไฟเฉพาะทาง?

พื้นที่ที่เกิดหมอกบ่อย เช่น บนดอย เส้นทางสายภูเขา พื้นที่ชุ่มน้ำ หรือถนนที่ใกล้แม่น้ำ มักประสบปัญหาเรื่อง “การมองเห็นในระยะใกล้” โดยเฉพาะในช่วงหัวรุ่งและกลางคืน หมอกทำให้แสงกระเจิงและเบลอ จนผู้ขับขี่ไม่สามารถแยกเส้นทาง ถนน หรือคนเดินเท้าได้ชัดเจน

ดังนั้น โคมไฟถนนในพื้นที่ลักษณะนี้ ไม่สามารถใช้แบบเดียวกับพื้นที่ทั่วไป ได้ การออกแบบระบบไฟต้องมีความเข้าใจในพฤติกรรมของแสงกับหมอก เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด

ปัญหาของหมอกที่มีต่อโคมไฟถนน

ก่อนเลือกโคมไฟถนน เราควรรู้ว่าหมอกมีผลกระทบอย่างไรต่อแสงไฟ:

  • ลดการมองเห็น: หมอกเป็นละอองน้ำขนาดเล็กที่ลอยในอากาศ ทำให้แสงกระเจิง (scattering) เมื่อแสงส่องผ่าน ส่งผลให้แสงจ้าเกินไปหรือไม่ชัดเจน
  • เกิดการสะท้อนย้อนแสง (Glare): หากใช้โคมไฟที่มีความสว่างสูงและมุมกระจายแสงกว้างเกินไป อาจสะท้อนหมอกกลับเข้าตาผู้ขับขี่
  • แสงกระจายไม่ถึงพื้นถนน: แสงบางส่วนอาจสูญเสียพลังงานกลางทางโดยไม่สามารถส่องถึงพื้นถนนได้

หลักการเลือกโคมไฟถนนสำหรับพื้นที่มีหมอก

1. เลือกอุณหภูมิสี (CCT) ที่เหมาะสม: แสงเหลืองหรือวอร์มไวท์ (2700K – 3500K)

  • โคมไฟถนนแสงสีเหลืองสามารถเจาะทะลุหมอกได้ดีกว่าแสงขาว
  • ลดการสะท้อนกลับในละอองหมอก จึงช่วยให้มองเห็นพื้นถนนได้ชัดเจนขึ้น
  • เหมาะสำหรับภูเขา ทางด่วน หรือพื้นที่ความสูงมาก

❌ หลีกเลี่ยงแสงขาวจ้า (6000K ขึ้นไป) เพราะจะสะท้อนกับหมอกและทำให้เกิดอาการ “ตาพร่ามัว”

2. เลือกโคมที่มีมุมกระจายแสงแคบ (Narrow Beam Angle)

  • มุมกระจายแสงที่แคบ (เช่น 60° – 90°) จะช่วยควบคุมทิศทางแสงให้ลงเฉพาะพื้นถนน ลดการกระเจิงในหมอก
  • ช่วยลด Light Pollution และไม่ทำให้แสงฟุ้งกระจายจนรบกวนผู้ขับขี่

3. ค่า Lumen ต่อ Watt สูง (High Efficacy)

  • เลือกโคมที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น 140 lm/W ขึ้นไป เพื่อให้ได้ความสว่างชัดเจนโดยใช้พลังงานต่ำ
  • พื้นที่หมอกต้องการโคมไฟถนนที่สามารถส่งผ่านแสงได้ดีแม้สภาพแวดล้อมไม่อำนวย

4. ติดตั้งในระดับความสูงที่เหมาะสม

  • ความสูงของเสาไฟควรอยู่ในช่วง 6-9 เมตร ขึ้นอยู่กับขนาดถนนและการกระจายแสง
  • เสาไฟที่สูงเกินไปอาจทำให้แสงส่องผ่านหมอกไม่ถึงพื้น
  • ควรติดตั้งในระยะห่างระหว่างเสาไม่เกิน 25 เมตร เพื่อให้แสงครอบคลุมและต่อเนื่อง

5. เลือกโคมที่มีระบบป้องกันแสงสะท้อน (Glare Control)

  • โคมไฟควรมีอุปกรณ์เสริม เช่น เลนส์แบบควบคุมแสง หรือ hood บังแสง เพื่อป้องกันการสะท้อนแสงกลับเข้าตาคนขับ
  • เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ยามค่ำคืนหรือเช้ามืดในหมอก

6. มีมาตรฐานกันน้ำ กันฝุ่นสูง (IP65 ขึ้นไป)

  • พื้นที่หมอกมักมีความชื้นสูง ควรเลือกโคมที่มีระดับ IP65 หรือสูงกว่า
  • ป้องกันไอน้ำหรือฝุ่นละอองจากการซึมเข้าภายในตัวโคมถนน ซึ่งอาจทำให้แสงลดลงหรือวงจรเสียหาย

สรุป: ควรเลือกโคมไฟแบบใด?

คุณสมบัติ แนะนำ
อุณหภูมิสี (CCT) 2700K – 3500K (แสงวอร์มไวท์)
Beam Angle แคบ (60° – 90°)
ค่าประสิทธิภาพแสง ≥ 130 lm/W
ระบบควบคุมแสง มีเลนส์หรือ hood ป้องกันแสงสะท้อน
มาตรฐานกันน้ำ IP65 ขึ้นไป
ความสูงเสา 6 – 9 เมตร

ปิดท้าย: ความปลอดภัยเริ่มต้นจากแสงสว่างที่เหมาะสม

การเลือกโคมไฟถนนในพื้นที่หมอกไม่ใช่แค่เรื่องของแสงที่สว่าง แต่ต้องเป็นแสงที่ ส่องได้ตรงจุด ลดการสะท้อน และเพิ่มการมองเห็น การลงทุนกับโคมไฟที่เหมาะสมจะช่วยลดอุบัติเหตุ และทำให้ถนนปลอดภัยมากยิ่งขึ้นในทุกสภาพอากาศ

 

เพราะแสงสว่างเป็นสิ่งสำคัญในทุกพื้นที่ของชีวิต RICHEST SUPPLY ศูนย์รวมผลิตภัณฑ์แสงสว่างที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟถนน โคมไฮเบย์ สปอร์ตไลท์ หลอดไฟ LED โซล่าเซลล์ และเสาไฟ สนใจสอบถามข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมที่ LINE Official Account: @richestsupply หรือ Facebook: https://www.facebook.com/enrichled

***สินค้ายังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม***