เสาไฟถนนที่ดีต้องมีมาตรฐานอะไรบ้าง?

เสาไฟถนนที่ดีต้องมีมาตรฐานอะไรบ้าง

เสาไฟถนนที่ดีต้องมีมาตรฐานอะไรบ้าง?

เสาไฟถนนเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่มักถูกมองข้ามในโครงการก่อสร้าง ทั้งที่จริงแล้ว “เสาไฟถนน” ส่งผลโดยตรงต่อความปลอดภัย ความสวยงาม และภาพลักษณ์ของพื้นที่ เพราะเสาไฟเป็นโครงสร้างที่ต้องทำงานกลางแจ้งตลอด 24 ชั่วโมง เผชิญทั้งแดด ลม ฝน และสภาพแวดล้อมที่ต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ดังนั้น การเลือกเสาไฟถนนที่ได้มาตรฐานตั้งแต่เริ่มต้น จึงช่วยลดปัญหาการซ่อมบำรุง ลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มความปลอดภัยอย่างยั่งยืน

ทำไมเสาไฟถนนที่มีมาตรฐานจึงสำคัญ?

หลายพื้นที่เคยประสบปัญหาเสาไฟล้ม เสาไฟสนิมกินจนผุ หรือแสงสว่างไม่เพียงพอ ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อผู้ใช้ถนน ทั้งผู้ขับขี่และคนเดินเท้า เสาไฟถนนที่ไม่ได้มาตรฐานอาจมีความหนาเหล็กไม่เหมาะสม ชุบกันสนิมไม่ครบ หรือออกแบบโครงสร้างไม่ถูกต้อง ทำให้เสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควร

ในทางกลับกัน การเลือกเสาที่ได้มาตรฐานตั้งแต่แรก จะช่วยให้แสงกระจายทั่วถึง ถนนปลอดภัยขึ้น และไม่มีความเสี่ยงที่เสาจะล้มเมื่อเกิดลมแรงหรือฝนตกหนัก

มาตรฐานที่เสาไฟถนนต้องมี

เพื่อให้เสาไฟถนนมีความแข็งแรง ปลอดภัย และทนทาน เสาไฟจำเป็นต้องผ่านมาตรฐานทั้งด้านโครงสร้าง วัสดุ และความปลอดภัยของระบบไฟฟ้า ดังนี้

1. มาตรฐานการออกแบบโครงสร้าง

เสาไฟถนนควรถูกผลิตตามมาตรฐานที่ยอมรับในระดับสากล เช่น

  • มอก. (มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม)
  • BS EN มาตรฐานยุโรป
  • ASTM มาตรฐานอเมริกา

ขนาด ความหนาเหล็ก และรูปทรงของเสาไฟต้องถูกออกแบบให้รองรับแรงลม ความสั่นสะเทือน และสภาพอากาศร้อนชื้นในประเทศไทยได้ดี

2. ความสูงเสาไฟถนน

ความสูงของเสาไฟถนนเป็นอีกจุดที่สำคัญมาก เพราะมีผลต่อระยะกระจายแสง ความครอบคลุมของความสว่าง และลดเงาที่ทำให้เกิดจุดอับ โดยทั่วไปมีความสูงดังนี้

  • ถนนชุมชน / หมู่บ้าน: 6–8 เมตร
  • ถนนสายหลัก / เขตอุตสาหกรรม: 9–12 เมตร
  • พื้นที่ที่ต้องการความสว่างมากเป็นพิเศษ: 12 เมตรขึ้นไป

การเลือกความสูงที่เหมาะสมช่วยให้แสงกระจายตัวสม่ำเสมอ ลดปัญหาแสงแยงตา และทำให้ผู้ใช้ถนนมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น

3. วัสดุที่ใช้ผลิตเสาไฟ

วัสดุยอดนิยมคือเสาเหล็กชุบกัลวาไนซ์ร้อน (Hot-Dip Galvanized Steel Pole) ที่มีจุดเด่นคือ

  • ไม่เป็นสนิมง่าย
  • ทนสภาพอากาศร้อนชื้น
  • อายุใช้งานเฉลี่ย 15–25 ปี
  • บำรุงรักษาง่าย

วัสดุอื่นอย่างอลูมิเนียมก็นิยมในบางพื้นที่ แต่ราคาอาจสูงกว่า

รายละเอียดที่ต้องตรวจสอบก่อนเลือกซื้อเสาไฟ

1. ระบบชุบกันสนิม

การชุบกัลวาไนซ์ร้อนถือเป็นมาตรฐานที่เสาไฟคุณภาพดีควรมี เพราะช่วยเคลือบสังกะสีทั่วทั้งเสา ทำให้เสาไม่เป็นสนิมแม้อยู่ในพื้นที่น้ำเค็มหรือชื้นสูง เช่น ริมทะเล หรือเขตอุตสาหกรรม

2. ความหนาของเหล็ก

ความหนามีผลต่อความแข็งแรง เช่น

  • เสาสูง 6 เมตร ควรใช้ความหนาเหล็ก 3.0 มม.
  • เสาสูง 9–12 เมตร ควรใช้ความหนา 3.2–4.0 มม.

หากความหนาไม่ถึง มักทำให้เสอบิดงอได้ง่าย

3. ฐานรากและ Anchor Bolt

การติดตั้งเสาฟ้าไม่ได้ใช้เพียงแค่ตัวเสา แต่ต้องใช้ฐานรากและ Anchor Bolt ที่ออกแบบตามหลักวิศวกรรม เพื่อให้เสายึดติดกับพื้นได้อย่างมั่นคง ไม่เอียงในอนาคต

วิธีเลือกเสาไฟถนนให้เหมาะกับพื้นที่ใช้งาน

1. เลือกตามประเภทพื้นที่

  • ถนนหน้าบ้าน / หมู่บ้านจัดสรร
    ใช้เสาสูง 6–8 เมตร วัสดุชุบกัลวาไนซ์
  • ถนนชุมชน
    ควรเพิ่มความสูงเป็น 8–9 เมตร
  • ถนนสายหลัก
    ใช้เสาสูง 10–12 เมตร เพื่อให้แสงครอบคลุมวงกว้าง
  • พื้นที่ลานจอดรถ
    ใช้เสา 6–9 เมตรตามความกว้างพื้นที่

2. พิจารณางบประมาณและค่าใช้จ่ายระยะยาว

เสาไฟราคาถูกอาจดูคุ้มค่าในระยะแรก แต่หากเป็นวัสดุที่ชุบเพียงบางส่วนหรือใช้ความหนาเหล็กที่น้อยเกินไป จะเกิดปัญหาสนิมเร็ว ทำให้ต้องซ่อมบำรุงบ่อยและสิ้นเปลืองงบประมาณในระยะยาว

เสาไฟที่ดีควรเป็นแบบที่

  • แข็งแรงตามมาตรฐาน
  • มีการป้องกันสนิมที่ดี
  • อายุใช้งานยาวนาน
  • คุ้มค่าสำหรับโครงการในระยะ 10–20 ปี

สรุป

เสาไฟถนนที่ดีควรมีมาตรฐานครบทั้งด้านวัสดุ โครงสร้าง ความหนา และการชุบกันสนิม การเลือกเสาดีตั้งแต่ต้นโครงการช่วยเพิ่มความปลอดภัย ลดค่าใช้จ่าย และทำให้พื้นที่ดูเป็นระเบียบสวยงาม เหมาะกับทั้งภาครัฐ เอกชน และโครงการหมู่บ้านต่าง ๆ

 

เพราะแสงสว่างเป็นสิ่งสำคัญในทุกพื้นที่ของชีวิต RICHEST SUPPLY ศูนย์รวมผลิตภัณฑ์แสงสว่างที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟถนน โคมไฮเบย์ สปอร์ตไลท์ หลอดไฟ LED โซล่าเซลล์ และเสาไฟ สนใจสอบถามข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมที่ LINE Official Account: @richestsupply หรือ Facebook: https://www.facebook.com/enrichled

***สินค้ายังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม***